เป็นเหตุสะเทือนขวัญทั้งหมู่บ้าน หลังจากที่ ผัวลวงฆ่าสาวที่ชอบ โดยการใช้ไม้ทุบเสียชีวิต คาดจะเล่นชู้ แต่ทางผู้ตายไม่ยอม เมียช็อก ปกติไม่เคยมีปัญหาชู้สาว ตำรวจชุดสืบสวนนครพนม และชุดสืบสวน งานป้องกันปราบปราม สภ.วังยาง จ.นครพนม เข้าควบคุมตัว นายนิมิตร อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หลังผู้ก่อเหตุลงมือฆ่า น.ส.นฤมล อายุ 40 ปี เพื่อนบ้าน หลังจากที่ญาติพบผู้ตายนอนเสียชีวิต ห่างจากบ้านพักประมาณ 50 เมตร เมื่อช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 10 มกราคม 2566 โดยสภาพศพถูกทุบด้วยของแข็ง บริเวณศีรษะ เป็นแผลฉกรรจ์ เลือดไหลทั่วพื้น เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเบาะแสจากโทรศัพท์มือถือ
เชื่อมโยงเป็นหลักฐานสำคัญเข้าตรวจสอบ จนนำไปสู่การจับกุม นายนิมิตร ในที่สุด ภายหลังการจับกุมผู้ต้องหาได้ให้การสารภาพยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากแอบชอบผู้ตายมานาน อีกทั้ง สามีผู้ตายไปทำงานต่างจังหวัด จึงฉวยโอกาสจากการสนิทสนม เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ล่อลวงชักชวน ให้ออกมาจากบ้าน
นาย นิมิตร ได้พยายามกระทำอนาจาร ใช้เงินล่อลวง จะดูแล แต่ทางตำรวจไม่ปักใจเชื่อ และคิดว่าผู้ก่อเหตุ อาจจะใช้วิธีอื่นในการล่อลวงให้ออกมาจากบ้าน และพยายามก่อเหตุทำอนาจาร ก่อนที่ผู้ตายข่มขู่จะเอาผิด จึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบทำร้ายร่างกาย ใช้ท่อนไม้ทุบตี จนเสียชีวิต
ด้าน นายพูลสวัสดิ์ อายุ 46 ปี ผู้บ้านใหญ่บ้าน ยอมรับว่ารู้สึกตกใจกับเหตุครั้งนี้ เพราะ ตนเป็นเพื่อนบ้านรู้จักผู้ก่อเหตุมาแต่เกิด ยอมรับว่าปกติเป็นคนดี ไม่มีนิสัยก้าวร้าว ไม่ดื่มเหล้า หรือเสพยา เป็นคนทำมาหากิน
เช่นเดียวกันกับภรรยา ที่เปิดใจว่ารู้สึกตกใจและเสียใจกับเหตุครั้งนี้มาก เพราะไม่คาดคิดว่าสามีจะเป็นคนก่อเหตุ เนื่องจากไม่เคยมีพฤติกรรมชู้สาวมาก่อน และไม่มีปัญหาครอบครัว ถึงแม้ตนจะเป็นภรรยาคนที่ 2 เพราะภรรยาคนแรกเสียชีวิตเมื่อ 5 -6 ปีที่ผ่านมา จากนั้นตนจึงมารู้จักอยู่กินเป็นสามี่ภรรยากัน มาประมาณ 3 ปี ถึงแม้ไม่มีบุตรด้วยกัน แต่ไม่เคยมีปัญหาครอบครัว และชู้สาว ปกติสามีเป็นคนขยันทำไร่ทำนา
อ.เจษฎา อธิบายภาพ กบยักษ์ตัวเท่าคน จังหวัดยะลา ที่สร้างกระแสฮือฮามาก่อนหน้านี้ เผยใช้มุมกล้องช่วย แถมบอกด้วยว่าภาพนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่ไทย จากกรณีที่มีชาวเน็ตโพสต์ภาพกบยักษ์ อ้างว่าเป็นกบจังหวัดยะลา ขนาดตัวเท่าคน ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยในภาพแสดงให้เห็นว่ามีชายคนหนึ่งกำลังแบกกบตัวดังกล่าวและมีชาวเน็ตแชร์ไปกว่าหมืนครั้งนั้น
ล่าสุด รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อ.ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ อ.เจษฎา โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กให้ข้อมูลถึงภาพกบตัวเท่าคนว่า ไม่ใช่เป็นความจริงและเป็นเพียงเทคนิคมุมกล้องเท่านั้น รวมถึงไม่ได้เกิดที่ไทยด้วย
รศ.ดร.เจษฎา อธิบายว่า “เห็นรูป “กบยักษ์” ตัวนี้กันหรือยังครับ ? เขาโพสต์ว่าเจอที่จังหวัดยะลา แต่พอเอาไป google search ก็เจอภาพนี้จากอินโดนีเซีย หลายปีก่อนแล้ว แล้วดูก็ค่อนข้างเดาได้ไม่ยากนะครับ ว่ามันเป็นแค่เทคนิคมุมกล้องเท่านั้นเอง 555
กบที่มีขนาดตัวใหญ่และน้ำหนักเป็นกิโลๆ เป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ตัวใหญ่ขนาดนี้ ส่วนภาพนี้เกิดจากเทคนิคในการถ่ายมุมกล้อง กบถูกแขวนเอาไว้ด้านหน้า แล้วคนไปยืนด้านหลัง ทำมือคล้ายๆ จะจับโดนกบ แล้วก็ถ่ายเข้ามาซ้อนกัน เลยทำให้ดูเหมือนกบตัวใหญ่มาก ส่วนคนจะดูตัวเล็ก เมื่อนำภาพนี้ไปค้นหาจะพบว่าปรากฏอยู่ในเพจของอินโดนีเซีย ไม่ได้พบในประเทศไทย”
ดีพลิก แท็กซี่ฆ่าตัวตายต่อหน้าลูก ไม่ได้กินยาล้างห้องน้ำ แต่กินโกโก้แล้วสำลัก
เอ้า! คดีพลิก แท็กซี่ฆ่าตัวตายต่อหน้าลูก แจ้งไม่ได้กินยาล้างห้องน้ำ แต่กินโกโก้แล้วสำลัก ตื่นมางง โดนสังคมด่า ถามกลับถ้ากินยาล้างห้องน้ำจริง ไม่ได้คุยกับสื่อแบบนี้หรอก จากกรณีที่มีข่าวว่า คนขับแท็กซี่กินน้ำยาล้างห้องน้ำหวังฆ่าตัวตายในรถ จนหมดสติน้ำลายฟูมปาก บนถนนวิทยุ บริเวณฝั่งตรงข้ามสถานทูตญี่ปุ่น โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสานเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญูเข้าให้การช่วยเหลือ นำส่งโรงพยาบาลตากสิน และช่วยเหลือคนขับรถแท็กซี่ได้สำเร็จ
ล่าสุด ทีมข่าวช่อง 3 ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ นายเพลิน คนขับรถแท็กซี่คนดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ออกมาแก้ข่าวว่าตนไม่ได้มีเจตนาฆ่าตัวตายอย่างที่เป็นข่าว แต่น้ำโกโก้ที่ลูกซื้อมาวางไว้ในรถ และสำลักน้ำ ก่อนที่จะหลับไป รู้สึกงงมากหลังจากที่ตื่นมาแล้วเห็นข่าวว่าตนพยายามฆ่าตัวตายต่อหน้าลูกแถมยังโดนสังคมต่อว่าอีกต่างหาก ส่วนน้ำยาล้างห้องน้ำไม่ได้เอามากินแต่เอามาใช้ทำความสะอาดรถ พร้อมถามกลับว่าถ้ากินจริงคงไม่ได้มานั่งคุยกับผู้สื่อข่าวเช่นนี้
ส่วนสาเหตุที่ขับรถแท็กซี่มากับลูก ปกติขับเป็นปกติ ตนมักจะพาลูกสาว 2 คนไปด้วยอยู่แล้ว เพราะอยู่กันแค่ 3 คน พ่อลูก เพราะก่อนหน้านี้มีปัญหากับแม่เด็ก ซึ่งชอบทำร้ายร่างกายลูก ตนเคยไปแจ้งมูลนิธิปวีณาฯ มาแล้ว และต่อมาแม่เด็กก็ย้ายหนีไปแล้ว ตนจึงต้องดูแลลูกทั้งสองเองเพียงคนเดียว
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าพบรถแท็กซี่คันดังกล่าวจอดอยู่ริมทาง ภายในมีเด็ก 5 ขวบ และ 10 ขวบร้องไห้อยู่ในรถ ขณะที่นายเพลินนอนไม่มีสติ แต่มีชีพจร โดยลูกสาวเล่าว่า จู่ๆพ่อก็กินน้ำยาล้างห้องน้ำเข้าไปจนหมดขวด ก่อนจะหมดสติไป ทางกู้ภัยจึงนำตัวนายเพลินส่งโรงพยาบาล
Credit : ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ