ผบ.ตร. สั่ง ‘เมียตู้ห่าว’ พ้นราชการ นับถอยหลังปิดคดีจินหลิง

ผบ.ตร. สั่ง ‘เมียตู้ห่าว’ พ้นราชการ นับถอยหลังปิดคดีจินหลิง

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เซ็นสั่ง เมียตู้ห่าว ออกจากราชการไว้ก่อน เผยการสอบสวนใกล้เสร็จสมบูรณ์ นับถอยหลังปิดคดี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีผับจินหลิง เครือข่ายของตู้ห่าว หรือ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ว่าขณะนี้การสอบสวนคดีนี้ที่ตนเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ขณะนี้เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยตนจะสรุปสำนวนส่งให้ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด พิจารณาภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งอยู่ในกรอบระยะเวลาที่อัยการสูงสุดต้องส่งสำนวนต่อศาล ภายในวันที่ 20 ม.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันกำหนดฝากขังตู้ห่าว

ผบ.ตร. กล่าวว่า การทำสำนวนคดีนี้พนักงานสอบสวนตำรวจ 

ร่วมกันทำงานกับอัยการ ที่ให้คำแนะนำดูแลการทำสำนวนคดี โดยคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร กระทำการเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ “ผมมั่นใจในพยานหลักฐาน มั่นใจว่าเพียงพอต่อการลงโทษผู้กระทำผิดได้ คดีนี้มีผู้ต้องหาหลัก 37 คน จับกุมได้แล้ว 19 คน หลบหนี 18 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหาในคดีเสพฯอีกกว่า 70 คน มั่นใจในพยานหลักฐาน มีหลักฐานทั้งพยานเอกสาร พยานบุคคล และพยานหลักฐานอย่างอื่นอีกจำนวนมาก สอบพยานไม่ต่ำกว่า 400 ปาก สำหรับนายตู้ห่าวนั้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฟอกเงินแล้ว โดยเข้าไปแจ้งข้อหาในเรือนจำ” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว

นอกตากนี้ตนได้สั่งดำเนินการทางวินัยกับตำรวจที่มีความผิดแล้ว โดยแบ่งเป็นคดีหลัก คือ คดีฟอกเงิน ที่มี พ.ต.อ.วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ภรรยาตู้ห่าวเป็นผู้ถูกกล่าวหา ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องคือกระทำผิดต่อหน้าที่ เรียกรับสินบน มีตำรวจ 5 นาย เป็นผู้ถูกกล่าวหา

ตนได้ลงนามคำสั่ง ให้ พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ ออกจากราชการไว้ก่อน เช่นเดียวกันกับ 5 ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีรับสินบน ทางที่ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็ให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ส่วนกรณีของหลาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมนั้น ว่า ตนได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว ในเบื้องต้นได้ข้อมูลมาจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ส่วนหนึ่งว่ารถที่หลานของนายกรัฐมนตรีไปทำธุรกรรมเช่าซื้อ ทำธุรกิจนั้นมี 33 คัน จากจำนวนรถหลายร้อยคันที่นายตู้ห่าวทำธุรกิจเรื่องรถ แต่ในส่วนคดีจินหลิง ซึ่งเป็นคดีสมคบยาเสพติด องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ได้ดูหลักฐานความเกี่ยวเนื่องทั้งหมดย้อนไปถึงปี 2563 ซึ่งกรณีรถทัวร์ก่อนการกระทำความผิดคดีนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้โดยตรง

หลังจากนี้หาความเกี่ยวเนื่องทรัพย์สิน ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง. ) ถ้ามีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป แต่ในขั้นนี้ยังไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้

เจ้าอาวาสวัดขุมข้าว ถูกปลด หลังบวชให้พระคาดผมแก้ปวดหัว

เจ้าอาวาสวัดขุมข้าว โดนแล้ว หลังคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดนครนายกสั่งปลด หลังบวชให้พระคาดแก้ปวดหัว หรือ อดีตพระอ๋อย พระที่เป็นข่าวดัง จากกรณีที่มีข่าวว่า พระอ๋อย อดีตเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก ที่เคยปรากฎเป็นข่าว พระใส่ที่คาดหัวและอ้างว่าใช้แก้ปวดหัว ขณะถูกหมอปลาบุกค้น เนื่องจากมีพฤติกรรมมั่วสีกาและรับดูดวงสะเดาะเคราะห์ และมีข่าวว่าบวชอยู่ที่วัดขุมข้าวใน จ.นครนายก หลัง เจ้าอาวาสวัดบวชให้ดังที่มีข่าวก่อนหน้านี้

ล่าสุดมีเอกสารคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดนครนายกที่ 1/2566 ถอดถอนพระสังฆาธิการออกจากตําแหน่งหน้าที่ โดยระบุว่า ด้วยพระครูปทุมปริยัตยานุกิจ เจ้าอาวาสวัดขุมข้าว ตําบลหนองแสง เขต 2 อ.ปากพลี จ.นครนายก ได้รับนายประสาทพร อดีตเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ที่มีกรณีซุกสีกาที่ตกเป็นข่าว เข้ามาอุปสมบทและมาพํานักอยู่ วัดขุมข้าว ทําให้เกิดความเสียหายแก่การคณะสงฆ์และการพระศาสนา อันเป็นการประพฤติละเมิดจริยาพระสังฆาธิการอย่างร้ายแรง

อาศัยอํานาจตามข้อ 55 (4) ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย อย่างร้ายแรงแก่การคณะสงฆ์ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ.2541) ออกตามความใน พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 และแก้ไขเพิ่มโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2535)

จึงถอดถอน พระครูปทุมปริยัตยากิจ เจ้าอาวาสวัดขุมข้าว ตําบลหนองแสง เขต 2 อ.ปากพลี จ.นครนายกออก ออกจากตําแหน่งเจ้าอาวาสวัดขุมข้าว

จึงสมควรแก้ไขปรับปรุงประกาศกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดอัตราค่าจัางบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คนที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานครเสียใหม่ ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ 12 (1) ของกฎกระทรวงว่ด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน พ.ศ.2560 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร สำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI – METER) ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร ประกาศ ณ วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2557

ข้อ 2 ในประกาศนี้ “รถยนต์รับจ้าง” หมายความว่า รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2535 แต่ไม่รวมถึงรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน แบบพิเศษ และรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

ขณะที่ นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงคมนาคมได้มีประกาศปรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร และได้ลงประกาศราชกิจจาฯ ผู้ขับรถแท็กซี่ต้องนำมิเตอร์ไปปรับจูนมาตรค่าโดยสาร 16 มกราคม 2566 – 28 กุมภาพันธ์ 2566

Credit : เว็บสล็อตแท้